วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

ฉันคือประชาชน



ฉันคือ ประชาชน   ต้องอดทน ได้ทุกอย่าง แม้นปัญหา มันคับคั่ง  ประเดประดัง อยู่ในใจ
ฉันคือ ประชาชน   ต้องห้อยโหน ทุกวันวี่ รถเมล์ มันล้นปรี่  ร้อนสิ้นดี ก็ต้องทน
ฉันคือ ประชาชน   ผู้ดิ้นรน ทุกเช้าค่ำ เหงื่อไคล มันไหลฉ่ำ   หน้าก็ดำ ตัวก็เหนียว
ฉันคือ ประชาชน   ที่ผอมโซ เหมือนซังหญ้า อยู่ตามทุ่ง ตามป่า  ไร้ราคา ค่าควรมอง
ฉันคือ ประชาชน  ไม่ใช่คน ที่มีเกียรติ ไปไหน ต้องละเลียด  ค่อยๆเหยียด ค่อยๆเงย
ฉันคือ ประชาชน  ไม่เหมือนคน ที่ยิ่งใหญ่ ไปไหน คนก็ไหว้ เอามือไขว้ หว่างขา
ฉันคือ ประชาชน   ไม่ใช่คน มีอำนาจ ไม่เคยคิด ไม่เคยคาด  จะผูกขาด ประเทศไทย
คือ ประชาชน  ไม่เหมือนคน ที่ยิ่งใหญ่ ไปไหน คนก็ไหว้  เอามือไขว้ หว่างขา
คือ ประชาชน   ไม่ใช่คน มีอำนาจ ไม่เคยคิด ไม่เคยคาด  จะผูกขาด ประเทศไทย

     บทเพลง ฉันคือประชาชน  ของวงคาราวาน  ขับกล่อมออกมาจากเครื่องเล่นเอ็มพี 3 หน้ารถในเช้าวันจันทร์ที่ทั้งแสนรถติดและฝนก็พลอยเทซ้ำลงมา  ความเป็นมาของบทเพลงนี้เกิดขึ้นมาร่วม 3 ทศวรรษ  แต่ก็ยังมีสิ่งที่สะท้อนออกมาจากบทเพลงให้ได้เห็นว่า  30 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไง  ทุกวันนี้ก็ยังเป็นยังงั้นอยู่   ประชาชนในฐานะองค์ประกอบหนึ่งของสังคมก็ยังคงต้องเบียดเสียด อาบเหงื่อต่างน้ำ ทำงานหนักเพื่อหาเงินที่เขาทั้งหลายเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความสุข  โดยเพาะประชาชนที่เป็นคนเมือง  ในมุมตรงกันข้ามประชาชนในชนบทก็หาได้แตกต่างกันไม่  เพียงแต่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบริบทเท่านั้นเอง  ภาพที่เห็นเมื่อเช้าจากข่าวภาคเช้า  ที่ประชาชนน้ำตานองหน้าหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดของประเทศ  ภาพของความเสียหายจากไร่นาที่ถูกน้ำท่วม  ความทุกข์แสนสาหัสเหล่านี้ยังต้องการคนมาเยียวยาอยู่  แต่ในขณะเดียวกันอีกภาพของข่าวสะท้อนให้แทนภาพของรัฐบาลและฝ่ายค้านที่มาก่นด่ากันในเรื่องของการปรับตำแหน่ง  คนนั้นได้  คนนี้ไม่ได้  มันจึงดูเป็นภาพที่ดูขัดกันในความรู้สึกของของประชาชนอย่างเราๆท่านๆเสียเหลือเกิน  หรือเพราะเราประชาชนไม่ใช่คนยิ่งใหญ่  คนมีอำนาจอย่างที่บทเพลงเขาว่า  หลายปัญหาจึงไม่ได้รับการเหลียวแลอย่างที่ควรจะเป็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น