วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

คลังบทความ : กรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ

           คลังบทความ


             ข้อ 1 จากบทความที่ได้อ่าน  ผู้เขียนมีความสนใจการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรที่  5  ที่เป็นบริษัทผลิตสินค้าเพื่อการจัดจำหน่าย  เนื่องจากองค์กรดังกล่าวได้มีการแบ่งแยกหน่วยงานออกเป็น 2 ส่วน  ได้แก่  หน่วยการผลิต  และหน่วยสนับสนุนการผลิต  ซึ่งมีฟังก์ชั่นการทำงานที่แตกต่างกันออกไป  รวมถึงกานำเอาระบบบารืโค๊ดเข้ามาใช้งานในการลดวเลาการทำงานลง  และ 2 หน่วยงานดังที่กล่าวข้างต้นก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยผ่านระบบดาวเทียม  ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ  โดยทางผู้เขียนเห็นว่าระบบที่ทางองค์กรดังกล่าวจะต้องพัฒนาเพิ่มเติมได้แก่ระบบดังต่อไปนี้

               1.ระบบลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management : CRM)  ระบบลูกค้าสัมพันธ์เป็นระบบที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการขาย  และการติดต่อสื่อสารกันระหว่างผู้ผลิตและลุกค้า  การสร้างความเชื่อมันในตัวบริษัท  โดยระบบทั้งหมดจะต้องมีการสร้างการสื่อสารกันระหว่างหน่วยงานดังกล่าว  กับฝ่ายขายและฝ่ายบัญชี  เพื่อตรวจสอบสถานะลูกค้า  ว่าเป็นลูกค้าชึ้นดีหรือไม่  การทำโปรโมชั่น  การให้บริการที่ดี  ก็จะเกิดจากการคิดและวางแผนของแผนนกนี้นี่เอง

               2.ระบบบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management : SCM)  เนื่องจากองค์กรนี้เป้นองกรทางด้านการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า  จึงจำเป็นที่จะต้องมีระบบบริหารจัดการเกี่ยวกับแหล่วสินค้า  การติดต่อสื่อสารกับผู้ผลิต  การหาแหล่งสินค้าใหม่ๆ  ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร้จและความแข็งแกร่งทางธุรกิจด้วย

               3.ระบบการผลิตและบริการจัดการวัตถุดิบ (Product and Material Management : P&MM)  ระบบดังกล่าวถือว่าเป็นหัวใจของการผลิตเนื่องจากว่า  สินค้าสำคัญของโรงงานเกิดจากการผลิต  ดังนั้นทางผู้จัดการโรงงานควรจะมีข้อมูลด้านการผลิตทั้งหมดเพื่อการตัดสินใจ  เช่น  การสั่งสินค้าเพิ่มเติม  สินค้าคงเหลือในสต๊อก   ระยะเวลาการผลิตสินค้าต่อชิ้น  โดยข้อมุลเหล่านี้จะถูกใช้ในการวางแผนการผลิต  และระบบการผลิตและบริหารจัดการวัตถุดิบสามารถตอบโจทย์ข้างต้นได้เป็นอย่างดี

             การทำงานของ 3 ระบบทีพัฒนาขึ้นจะต้องมีการมำงานที่เชื่องโยงกัน  เพื่อให้ทั้ง 3 ระบบย่อยรบมเป้นระบบเดียวกัน  และข้อมูลที่ไหลภายในระบบก็จะทำให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการตัดสินใจและการทำงาน  ลดเวลาให้สั้นลง  เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น


ข้อ 2  การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อสนองพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ   ผู้เขียนขอเสนอแนวทางการพัฒนา 3 ด้านดังต่อไปนี้

            1.การพัฒนาทางด้านโครงสร้างการสื่อสาร   ระบบอินเตอร์ที่ให้บริการอยุ่ในประเทศไทยยังกระจุกอยุ่ภานในเขตชุมชนเมือง   ทำให้การสื่อสารเกิดช่องว่างขึ้น  และการที่จะพัฒนาระบบ E-learning  ก็ไม่สามารถทำได้เต็มที่   เมื่อการพัฒนาด้านโครงสร้างการสื่อสารมีความพร้อมแล้ว  จึงจะเกิดการพัฒนาทางด้านอื่นๆต่อไป

            2.  การพัฒนา  Software  ที่ตอบสนองต่อการเรียนรู้  โดยอาจจะเป็นพื้นฐานของการเรียนขึ้นเบื้องต้น   การพัฒนาดังกล่าวอาจจะเป็น Web Base Application   หรือระบบการเรียนแบบ  Mobile  learning  ก็ได้

           3.พัฒนาบุคลากรทางการศึกษา  ให้มีความรู้ความชำนาญในการนำเอาระบบสารสนเทศเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนอย่างเต็มประสิทธิภาพ  อาจจะจัดอบรมการใช้งานโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น  หรือแม้แต่การสร้างเนื้อหาการเรียนการสอน  การสอนแบบใช้กลวิธี  รวมไปถึงการอบรมผู้เรียนให้ใช้เครื่องมือที่มีอย่งามีประสิทธิภาพด้วย

 
           การพัฒนาระบบสารสนเทศทั้ง 3 แบบดังที่กล่าวมาจะทำให้ระบบการเรียนการสอนดังที่สมเด็จพระเทพฯท่านทรงดำริอาจจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน


ข้อ 3    การพัฒนาระบบ  E-Sevice  และ ระบบ  Web Service  สำหรับโครงการการใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ  ควรพัฒนาในรูปแบบประยุกต์ใช้ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นได้หลายมิติใน  Application  เพียงตัวเดียว  เช่น  มิติทางด้านภูมอศาสตร์   วัฒนธรรม  ความเป็นอยุ่  รายได้ต่อหัว   โดยเป็นการรวมเอาข้อมุลทางด้านประชากรที่เกี่ยวข้อทุกด้านมารวมเป็นเหมือนศูนย์ข้อมูลกลาง  ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับ  หน่วยงานที่ต้องการข้อมูลสำหรับการพัฒนาพื้นที่นั้นๆ   และความสำคัญสำหรับประชาชนในพื้นที่  ก็คือ  เป็นเสมือนคลังข้อมูลที่สามารถสืบค้นภูมิปัญาของแต่ละท้องถิ่น  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  โดยสามารถกระทำผ่านระบบ  GIS  ได้
     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น